ในโลกของการทำธุรกิจออนไลน์และการทำ SEO (Search Engine Optimization) การรู้ว่าคู่แข่งของเราทำอะไรและทำได้ดีแค่ไหน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก การวิเคราะห์ SEO ของเว็บไซต์คู่แข่งช่วยให้เราเข้าใจวิธีการและกลยุทธ์ที่คู่แข่งใช้ ซึ่งสามารถนำมาปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้ดียิ่งขึ้น การรู้ว่าเรายืนอยู่จุดไหนในตลาดจะช่วยให้เราวางแผนกลยุทธ์ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีวิเคราะห์ SEO ของเว็บไซต์คู่แข่งอย่างละเอียด พร้อมแนะนำเครื่องมือที่จำเป็นและเทคนิคต่าง ๆ ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันที มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. ทำความรู้จักกับคู่แข่งของคุณ
การรู้จักคู่แข่งเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการวิเคราะห์ SEO เพื่อให้เข้าใจว่าคู่แข่งของเราเป็นใครและทำ SEO อย่างไร โดยวิธีการหาคู่แข่งสามารถทำได้ดังนี้:
- การค้นหาคีย์เวิร์ดใน Google: ค้นหาคีย์เวิร์ดหลักของคุณใน Google และจดบันทึกเว็บไซต์ที่ปรากฏในหน้าแรก ทั้งเว็บไซต์ที่เป็นธุรกิจเหมือนกับเราและเว็บไซต์ที่มีคอนเทนต์คล้ายคลึงกัน
- ใช้เครื่องมือ Ahrefs หรือ SEMrush: ใส่ URL ของเว็บไซต์คุณลงในเครื่องมือเหล่านี้เพื่อดูเว็บไซต์ที่มีคีย์เวิร์ดและลิงก์ย้อนกลับคล้ายกัน
2. วิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่ง
การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่คู่แข่งใช้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจว่าคีย์เวิร์ดไหนที่ควรใช้และมีโอกาสในการแข่งขันสูง โดยขั้นตอนมีดังนี้:
- ใช้ Ahrefs: เข้าไปที่ “Site Explorer” ใส่ URL ของคู่แข่งและดูรายงาน “Organic Keywords” เพื่อดูคีย์เวิร์ดที่คู่แข่งติดอันดับ
- ใช้ SEMrush: ใช้ฟีเจอร์ “Organic Research” เพื่อดูคีย์เวิร์ดที่คู่แข่งใช้ในการทำ SEO และคีย์เวิร์ดที่มีการค้นหามากที่สุด
- Google Keyword Planner: ใส่คีย์เวิร์ดหลักของคู่แข่งลงในเครื่องมือเพื่อดูคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องและมีโอกาสในตลาด
3. ตรวจสอบโครงสร้างเว็บไซต์ของคู่แข่ง
การตรวจสอบโครงสร้างเว็บไซต์ช่วยให้เรารู้ว่าคู่แข่งจัดการกับคอนเทนต์และการเชื่อมโยงหน้าเว็บอย่างไร:
- Screaming Frog: ใช้เครื่องมือนี้สแกนเว็บไซต์ของคู่แข่งเพื่อดูโครงสร้าง URL, การใช้แท็ก H1, H2, การเชื่อมโยงภายใน และอื่น ๆ
- Sitebulb: ใช้เครื่องมือนี้เพื่อตรวจสอบโครงสร้างเว็บไซต์อย่างละเอียด ดูว่าเว็บไซต์ของคู่แข่งมีโครงสร้างที่เป็นมิตรกับ SEO อย่างไร
4. วิเคราะห์คุณภาพของคอนเทนต์
คอนเทนต์เป็นหัวใจของ SEO การวิเคราะห์คอนเทนต์ของคู่แข่งช่วยให้เราเข้าใจว่าควรพัฒนาคอนเทนต์ของเราอย่างไร:
- ใช้ Ahrefs Content Explorer: เพื่อค้นหาคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมจากคู่แข่งและดูว่าคอนเทนต์นั้นมีการแชร์และลิงก์ย้อนกลับมากน้อยเพียงใด
- ใช้ BuzzSumo: เพื่อค้นหาคอนเทนต์ที่มีการแชร์มากที่สุดในโซเชียลมีเดียและดูว่าคอนเทนต์นั้นมีลักษณะอย่างไร
5. ตรวจสอบ Backlinks
ลิงก์ย้อนกลับเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของ SEO การตรวจสอบลิงก์ย้อนกลับของคู่แข่งช่วยให้เราหาโอกาสในการสร้างลิงก์ย้อนกลับของเรา:
- Ahrefs Backlink Checker: ใช้ฟีเจอร์ “Backlink Profile” เพื่อดูว่าคู่แข่งได้รับลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์ไหนบ้าง
- Majestic SEO: ใช้เครื่องมือนี้เพื่อตรวจสอบลิงก์ย้อนกลับและดูค่า Trust Flow และ Citation Flow ของลิงก์นั้น
6. วิเคราะห์ User Experience
เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์ผู้ใช้ดีมักจะมีอันดับที่ดีใน SEO การวิเคราะห์ประสบการณ์ผู้ใช้ของคู่แข่งช่วยให้เราเห็นว่าควรปรับปรุงเว็บไซต์ของเราอย่างไร:
- Google PageSpeed Insights: ใช้เครื่องมือนี้เพื่อตรวจสอบความเร็วในการโหลดเพจของคู่แข่ง ดูว่าเขามีคะแนนความเร็วเท่าไรและมีข้อแนะนำในการปรับปรุงอะไรบ้าง
- GTmetrix: ใช้เพื่อวิเคราะห์ความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ดูว่าเว็บไซต์คู่แข่งมีการโหลดหน้าเว็บอย่างไร
7. ตรวจสอบการใช้โซเชียลมีเดีย
การตรวจสอบการใช้โซเชียลมีเดียของคู่แข่งช่วยให้เราเห็นว่าเขาใช้โซเชียลมีเดียอย่างไรในการทำ SEO:
- BuzzSumo: ใช้เครื่องมือนี้เพื่อดูว่าคอนเทนต์ของคู่แข่งมีการแชร์ในโซเชียลมีเดียมากน้อยเพียงใดและมีการโต้ตอบจากผู้ใช้อย่างไร
- Social Media Platforms: ตรวจสอบหน้าโซเชียลมีเดียของคู่แข่ง (เช่น Facebook, Twitter, Instagram) ดูว่าคอนเทนต์ไหนได้รับความนิยมและมีการโต้ตอบมากที่สุด
8. วิเคราะห์เทคนิคการทำ Local SEO
สำหรับธุรกิจที่มีพื้นที่การให้บริการชัดเจน Local SEO เป็นสิ่งที่สำคัญ:
- Google My Business: ตรวจสอบว่าคู่แข่งมีการใช้ Google My Business อย่างไร ดูรีวิวและการให้คะแนนจากลูกค้า
- Yelp และแพลตฟอร์มรีวิวอื่น ๆ: ดูว่าคู่แข่งได้รับรีวิวจากลูกค้าบนแพลตฟอร์มไหนบ้างและมีการตอบสนองต่อรีวิวยังไง
9. ตรวจสอบความเป็นมิตรต่อเครื่องมือค้นหา (SEO Friendliness)
การตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคู่แข่งมีความเป็นมิตรต่อเครื่องมือค้นหาอย่างไร:
- SEO Site Checkup: ใช้เครื่องมือนี้ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคู่แข่งมีการใช้ Meta Tags, Alt Text, การปรับปรุง URL Structure อย่างไร
- Moz Pro: ใช้เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคู่แข่งมีคะแนน SEO อย่างไรและมีปัญหาที่ควรแก้ไขอะไรบ้าง
10. วิเคราะห์การอัปเดตและการสร้างคอนเทนต์ใหม่
สุดท้ายเราต้องดูว่าคู่แข่งมีการอัปเดตคอนเทนต์อย่างไรและมีการสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ บ่อยเพียงใด:
- ใช้เครื่องมือ Content Explorer ของ Ahrefs: เพื่อดูว่าคู่แข่งมีการสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ อย่างไรและคอนเทนต์ไหนที่ได้รับความนิยม
- ตรวจสอบบล็อกและหน้าเว็บของคู่แข่ง: ดูว่าคู่แข่งมีการอัปเดตบล็อกหรือหน้าเว็บใหม่บ่อยเพียงใดและเนื้อหานั้นมีลักษณะอย่างไร
การวิเคราะห์ SEO ของเว็บไซต์คู่แข่งไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการศึกษาและทำความเข้าใจ การใช้เครื่องมือที่มีอยู่ช่วยให้การวิเคราะห์ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้าเราทำได้ดี เราจะสามารถพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้มีอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหาของ Google และสามารถเอาชนะคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ